|
ปุ๋ยคือ อาหารหลักของต้นยางพาราเพราะปุ๋ยมีผลต่อการเจริญเติบโตของต้นยาง โดยเฉพาะยางเปิดกรีดที่ต้องการธาตุอาหารเพื่อผลิตน้ำยาง
|
ดังนั้นสวนยางที่ไม่มีการให้ปุ๋ยหรือไม่เพียงพอต่อความต้องการของต้นยาง ปริมาณน้ำยางจะน้อยตามไปด้วย
แต่ใช่ว่าการให้ปุ๋ยมากๆ เพียงอย่างเดียวจะทำให้ผลผลิตสูงขึ้นได้เสมอไป
ถ้าการให้ปุ๋ยไม่ถูกวิธี…!!!
ปกติการใส่ปุ๋ยต้นยางของชาวสวนยางที่นิยมใช้มี 2 วิธีหลักๆ คือ
การหว่าน และการฝังกลบ แต่การใส่ปุ๋ยทั้ง 2 วิธีมีทั้งจุดแข็งและจุดอ่อน
พอๆ กัน โดยเฉพาะการให้ปุ๋ยด้วยวิธีการหว่าน ข้อดีมีอย่างเดียวคือ สะดวก
และประหยัดแรงงาน
ขณะที่จุดอ่อนเต็มกระบุง...!!!
|
ใส่ปุ๋ยแบบขุดหลุมฝังกลบ
━━━━━━━━━━━
|
ไม่ว่าจะเป็น
การสูญเสียเนื้อปุ๋ยที่มักจะหมดไปกับ การระเหยไปในอากาศ ของปุ๋ยที่มีแอมโมเนีย และเมื่อฝนตกหนักๆ
ปุ๋ยจะละลายและไหลไปกับน้ำอย่างรวดเร็ว จึงเกิดการสูญเสียปุ๋ยมหาศาล
━━━━━━━━━━━━━━━
ต้นยางอาจจะกินปุ๋ยได้เพียง 20-30% เท่านั้น
━━━━━━━━━━━━━━━
เท่ากับว่าต้นทุนปุ๋ยที่ลงไปในสวนยางกลับได้ผลผลิตตอบแทนไม่เต็มที่
ซึ่งจะกลายเป็นว่าต้นทุนการผลิตในสวนยางสูงขึ้น เพราะเมื่อน้ำยางน้อย
เกษตรกรจะคิดว่าปริมาณการให้ปุ๋ยไม่เพียงพอ จึงคิดว่าต้องใส่ปุ๋ยเพิ่ม
เกษตรกรบางรายจึงต้องให้ปุ๋ยเพิ่มมากกว่าปีละ 2 ครั้ง
ขณะที่การให้ปุ๋ยแบบฝังกลบ
คือการตอบโจทย์การใส่ปุ๋ยให้เกิดประสิทธิภาพดีที่สุด
เพราะการให้ปุ๋ยวิธีนี้จะขุดหลุมฝังปุ๋ยลงไปในดิน
ต้นยางก็จะใช้ประโยชน์จากปุ๋ยได้เต็มที่
|
ภาพตัวอย่างบ่อปุ๋ยในประเทศจีน
จะเห็นว่าภายในบ่อจะมีเศษใบยางกิ่งยางย่อยสลายอยู่ในบ่อ
และจะกลายเป็นอินทรียวัตถุและธาตุอาหารสำหรับบำรุงดินและต้นยาง
━━━━━━━━━━━
|
แต่การใส่ปุ๋ยวิธีนี้ต้องใช้แรงงานขุดหลุมกว้างประมาณ 3-4 หน้าจอบ แล้วฝังกลบ
ต้นละ 4 หลุม แต่มีต้นทุนการขุดหลุมและใส่ปุ๋ย
หลุมละอย่างน้อย 2 บาท
และต้องขุดหลุมทุกครั้งที่ให้ปุ๋ย ไม่มีวันจบสิ้น
แต่เกษตรกรก็ไม่มีทางเลือกการใส่ปุ๋ยต้นยางที่ได้ประสิทธิภาพสูงสุดเท่าวิธีการฝังกลบอีกแล้ว...!!!
ใช่หรือไม่...???
ที่ผ่านมาอาจจะใช่ แต่สำหรับ นายขำ นุชิตศิริภัทรา เซียนยางพารารุ่นเก๋าแห่งเมืองตรังบอกว่า
การให้ปุ๋ยแบบฝังกลบอาจจะไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุดอีกต่อไป
เมื่อเขาได้เทคนิคการให้ปุ๋ยแบบใหม่มาจากประเทศจีน โดยการ "สร้างโต๊ะจีน" ขึ้นในสวนยาง...???
|
นายขำ นุชิตศิริภัทรา เซียนยางเมืองตรัง
นำเสนอเทคนิคการสร้างบ่อปุ๋ยในสวนยาง อิมพอร์ตจากเมืองจีน
ซึ่งไปดูงานเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว แต่ที่ผ่านมายังไม่มีใครลงมือทำในเมืองไทยเลย
และนายขำก็คือรายแรกที่กล้าทดลอง
━━━━━━━━━━━
|
หากแต่ในความหมายไม่ใช่โต๊ะจีนอย่างที่เราๆ ท่านๆ รับประทานกันตามงานมงคลต่างๆ หรอก
แต่เป็นการเปรียบเปรยเทคนิคการให้ปุ๋ยด้วยวิธีการขุดบ่อใหญ่ๆ ขึ้นกลางสวนยางแล้วนำสารพัดอาหารที่ต้นยางสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ใส่ไว้ในนั้น เช่น ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก และปุ๋ยเคมี เป็นต้น แล้วรากยางจะเดินเข้าไปรุมกินโต๊ะจีนเอง
เซียนยางพาราวัย 74 ปีบอกเล่าถึงเทคนิคการให้ปุ๋ยแบบแปลกแหวกแนวนี้ว่า ไม่ใช่เทคนิคที่คิดค้นขึ้นมาเองแต่อย่างใด แต่เกิดจากการไปศึกษาดูงานมาจากประเทศจีน ตั้งแต่เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง หรือ บอร์ด กสย. ช่วงปี 2538-2541 หรือเมื่อกว่า 19 ปีที่แล้ว
|
ภาพนายขำ
เมื่อครั้งเป็นหนึ่งในบอร์ด กสย. ไปดูงานสวนยางในประเทศจีน
ก่อนจะได้ความรู้เรื่องการขุดบ่อให้ปุ๋ยยางมานำเสนอชาวสวนยางในประเทศ
และกำลังลงมือทำในสวนยาง จ.ตรังของตนเองหลายร้อยไร่
━━━━━━━━━━━
|
การเดินทางไปครั้งนั้นคณะได้เข้าไปดูการปลูกสร้างสวนยางของเกษตรกรสวนยางประเทศจีน
แล้วพบเทคนิคการให้ปุ๋ยที่มีความน่าสนใจ
และวิเคราะห์แล้วว่าเป็นวิธีการให้ปุ๋ยที่ดี
เป็นการให้ปุ๋ยที่ประหยัดและมีประสิทธิภาพสูงสุด ก่อนจะนำกลับมาเผยแพร่แก่วงการสวนยางในเมืองไทยในช่วงนั้น
แต่ปัญหาก็คือเกษตรกรมองไม่เห็นภาพ
ไม่เห็นตัวอย่าง และไม่เห็นผลเชิงประจักษ์ จึงไม่มีใครใช้การให้ปุ๋ยอย่างนั้นเลย
ยังอาศัยวิธีหว่านและฝังกลบ
จนกระทั่งเวลาผ่านไปกว่า 19 ปีก็ยังไม่มีใคร
นำวิธีการให้ปุ๋ยต้นยางแบบดังกล่าวมาใช้ แม้จะมีผู้เชี่ยวชาญบางคนกล่าวถึงก็ตาม แม้กระทั่งนายขำผู้ไปเห็นและถ่ายทอด
ก็ไม่ได้นำการให้ปุ๋ยที่แนะนำมาใช้
แต่ล่าสุดในวัย 74 ปี
นายขำได้รื้อฟื้นการให้ปุ๋ยแบบสร้าง “โต๊ะจีน” หรือ “คลังปุ๋ย” ในสวนยางขึ้นมาอีกครั้ง หากแต่ครั้งนี้ไม่ใช่การเผยแพร่
บอกเล่าด้วยตัวหนังสือหรือปากเปล่า แต่ลงมือทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง…!!!
วิธีการให้ปุ๋ยดังกล่าวทำอย่างไร
มีการบริหารจัดการอย่างไร แล้วผลที่จะได้คืออะไรบ้าง นายขำมีคำตอบ
━━━━━━━━━━━━━━━
วิธีการขุดบ่อสร้าง “โต๊ะจีน” หรือ “คลังปุ๋ย” ในสวนยาง
━━━━━━━━━━━━━━━
ขั้นตอนคือการสร้างหรือขุดบ่อ
หรือหลุมขนาดใหญ่ขึ้นตรงร่องกลางระหว่างแถวยาง โดยทั่วไปพื้นที่ส่วนนี้จะกว้าง 7 เมตร
นายขำใช้รถแบ็คโฮเล็กทำการขุดหลุมลึกประมาณ 80 ซ.ม. – 1 เมตร แต่ความลึกที่เหมาะสมคือ 1 เมตร กว้างประมาณครึ่งเมตร ยาวประมาณ 9 เมตร
หรือ ความยาวเท่ากับต้นยาง 3 ต้น
|
ช่วงที่เหมาะแก่การขุดบ่อปุ๋ย ก็คือช่วยปิดกรีดยางนี่แหละ
เพราะเป็นช่วงที่งานในสวนยางว่าง ไม่มีฝน
และทันท่วงทีสำหรับการใส่ปุ๋ยคอกในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้
━━━━━━━━━━━
|
จากนั้นจะเว้นไปประมาณ 9 เมตร
จึงจะขุดหลุมขนาดเท่ากัน แต่ละบ่อจึงห่างกัน 9x9 เมตร ทำอย่างนี้ไปจนสุดแถวยาง
และจะขุดอย่างนี้ทุกร่องยาง แบบสลับแนวฟันปลา
ผลจากการขุดบ่อในสวนยางภาพที่เห็นแล้วตกใจคือ
รากยางจะขาด และรากยางส่วนใหญ่ก็จะอยู่บริเวณผิวดิน
จึงเกิดความสงสัยว่ารากยางจะเกิดการกระทบกระเทือนหรือไม่
ถ้าไม่กระทบแล้วรากยางจะลงไปกินปุ๋ยในบ่อนั้นได้อย่างไร…???
“ตอนนี้รากมันยังไม่เดินลงไปในบ่อหรอก
เพราะถูกตัดรากแต่หลังจากนี้ต้นยางมันจะค่อยๆ งอกรากใหม่ออกมาแล้วเดินลงไปในบ่อ เมื่อเราใส่ปุ๋ยลงไป รากมันรู้ว่าในหลุมมีปุ๋ยก็จะลงมาหาอาหารเอง”
|
หลังการขุดบ่อ รากต้นยางที่ส่วนใหญ่อยู่บริเวณหน้าดินจะขาดเสียหาย แต่นายขำบอกว่าต้นยางไม่กระทบมาก เพราะธรรมชาติของต้นยางจะค่อยสร้างรากใหม่ขึ้นมา
━━━━━━━━━━━
|
แต่ยังไงผู้เขียนก็ยังไม่เห็นภาพ และนึกไม่ออกจริงๆ ว่ารากมันจะเดินลงไปในบ่อได้อย่างไร…???
นายขำพยายามไขความข้องใจด้วยการพาไปดูตัวอย่างการเดินของราก
จากแนวสวนยางที่มีการขุดร่องเพื่อระบายน้ำในสวนยาง
ซึ่งมีลักษณะการขุดเช่นเดียวกับการขุดบ่อให้ปุ๋ยยางแบบที่นายขำกำลังทำอยู่
“ตรงนี้ตอนขุดใหม่ๆ รากยางก็ขาดหมด แต่นานๆ ไปมันก็จะสร้างรากใหม่ลงไปในร่องเพื่อยึดต้นไว้
หลุมที่ผมกำลังขุดให้ปุ๋ยก็เหมือนกัน อีกหน่อยรากก็จะเดินอย่างนี้
และมันจะเดินเร็วด้วย เพราะเราใส่ปุ๋ยลงไปในนั้น รากจะเดินไปหาอาหารเอง”
นายขำ พาไปชมตัวอย่างการเดินของรากยาง พร้อมอธิบายเพื่อความเข้าใจ
ผู้เขียนจึงเห็นภาพชัดเจนขึ้น และเริ่มคลายความสงสัยในที่สุด
|
หลังการขุดบ่อ รากต้นยางที่ส่วนใหญ่อยู่บริเวณหน้าดินจะขาดเสียหาย
แต่นายขำบอกว่าต้นยางไม่กระทบมาก เพราะธรรมชาติของต้นยางจะค่อยสร้างรากใหม่ขึ้นมา
━━━━━━━━━━━
|
สวนยางที่นายขำเริ่มขุดบ่อนั้นเปิดกรีดได้ประมาณ 3 ปี
หรือต้นยางอายุประมาณ 8-9 ปี
แต่นายขำบอกว่าถ้าจะให้ดีต้องเริ่มขุดตั้งแต่ต้นยางอายุ 3 ปี เพราะต้นยางจะเริ่มปรับตัวได้ง่าย
และโตไวเพราะอยู่ในช่วงที่ต้นยางกำลังเจริญเติบโต
“พอยางอายุ 4-5 ปี
รากมันจะเดินไปกินปุ๋ยและเป็นช่วงที่ยางกำลังต้องการอาหารและจะโตเต็มที่
ยางจะใหญ่ไว เปิดกรีดเร็ว”
นายขำเลือกที่จะขุดบ่อในช่วงหน้าแล้ง
ซึ่งเป็นช่วงพักหน้ายาง ไม่มีกิจกรรมใดๆ และเป็นช่วงที่ต้นยางพักตัวการทำงานจึงสะดวกและง่าย
แต่เจ้าของสวนวัย 74 ปี หลังขุดเสร็จช่วงต้นฝนเดือนพฤษภาคม จะยังไม่ใส่ปุ๋ย (เคมี) ลงไปในบ่อ เพราะรากยางยังไม่เดิน
ยังคงต้องอาศัยการให้ปุ๋ยแบบขุดหลุมฝังกลบตามปกติไปก่อน
รอจนกว่ารากยางจะงอกขึ้นมาและเดินลงไปในบ่อ แต่ช่วงการให้ปุ๋ยครั้งที่ 2 หรือปลายฤดูฝน จึงจะใส่ปุ๋ยเคมีลงไปได้
ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้นรากจะเดินสมบูรณ์แล้ว
แต่ที่ทำได้เลย คือ ใส่ปุ๋ยคอกเช่น ปุ๋ยขี้ไก่ หรือขี้วัว
ลงไปในบ่อในช่วงต้นฝนนี้ได้เลย โดยจะใส่ประมาณบ่อละ 4 กระสอบ
แต่นายขำเน้นว่าถ้าจะใส่ปุ๋ยขี้ไก่ ต้องผ่านกระบวนการหมักจนสมบูรณ์เสียก่อน
อย่าใช้ปุ๋ยขี้ไก่สดๆ หรือเพิ่งนำออกมาจากเล้าไก่ใหม่ๆ
เพราะอาจจะเกิดเชื้อราและทำให้ต้นยางเน่าตายได้
นอกจากนั้นบรรดาใบยาง กิ่งยาง หญ้าที่ตัดดาย
ที่ร่วงหล่นลงมาก็จะไปรวมกันอยู่ในบ่อ และจะเกิดกระบวนการหมักโดยธรรมชาติกลายเป็นแหล่งผลิตธาตุอาหารที่เป็นอินทรีย์ให้กับต้นยาง โดยไม่ต้องลงทุนซื้อปุ๋ยอินทรีย์เพิ่มเลย
เมื่อถึงเวลาให้ปุ๋ยเคมี
นายขำบอกว่าก็แค่หว่านปุ๋ยลงไปในบ่อนี้ หลุมละประมาณ 2 กิโลกรัม/ครั้ง สำหรับต้นยาง 6 ต้น
เท่ากับว่าภายในบ่อจะอุดมไปด้วยอาหารของต้นยางที่เป็นทั้งอินทรีย์และเคมี เป็น “คลังปุ๋ย”ในสวนยางสำหรับให้ต้นยางกิน หรือที่นายขำบอกว่าบ่อนี้แหละคือ “โต๊ะจีน”
ปุ๋ยคอก ใบยางหมักจนเป็นอินทรีย์ และปุ๋ยเคมี คือเมนูอาหารที่จะยกเสิร์ฟบนโต๊ะ
รากยางก็จะมารุมกินโต๊ะจีนกันอย่างอิ่มหมีพีมัน
หากแต่ข้อดีของการสร้างโต๊ะจีนหรือขุดบ่อใส่ปุ๋ยยางแบบนี้นายขำบอกว่ายังมีข้อดีมากมายกว่านั้น
เริ่มจากการขุดบ่อให้ปุ๋ยจะลดการสูญเสียปุ๋ย เพราะเนื้อปุ๋ยจะไม่ไหลไปไหน
ต่างกับการให้ปุ๋ยแบบหว่าน
เมื่อฝนตกเนื้อปุ๋ยจะไหลไปตามน้ำหรือไม่ก็ระเหยไปในอากาศ ทำให้การให้ปุ๋ยหมดประสิทธิภาพ
ต้นยางจึงมีโอกาสกินปุ๋ยได้ไม่เกิน 30% เท่านั้นที่เหลืออีก 70% เกิดการสูญเสีย
เท่ากับว่าเงินที่ลงทุนซื้อปุ๋ยเคมีมาใส่สวนยางสูญไปเปล่าๆ
|
ตามคำบอกเล่าของนายขำ บ่อปุ๋ยนี้จะกลายเป็น “คลังปุ๋ย” รวมอาหารสำหรับต้นยาง ทั้งที่เป็นเคมี และอินทรีย์ ━━━━━━━━━━━ |
การขุดบ่อตามแบบฉบับของนายขำ ยังช่วยลดปริมาณการให้ปุ๋ยต้นยางได้อีกด้วย
เพราะการให้ปุ๋ยจะใส่บ่อละ 2 กิโลกรัม/ครั้ง หรือ 4 กิโลกรัม/ปี หรือต้นละ 600 กรัม/ปี สำหรับต้นยาง 6 ต้น
จากปกติที่จะต้องให้ปุ๋ยยางต้นละ 1 กิโลกรัม/ปีเท่ากับว่าจะสามารถลดปริมาณการให้ปุ๋ยเคมีลง และยังลดต้นทุนลงได้กว่า
50% เลยทีเดียว
แต่กลับได้ปุ๋ยที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นและธาตุอาหารต่างๆ
จะถูกเก็บไว้ในหลุมตลอดทั้งปี การให้ปุ๋ยอย่างนี้ยังลดการใช้แรงงานใส่ปุ๋ยในสวนยางน้อยกว่าการหว่านและฝักกลบ
“การให้ปุ๋ยแบบนี้เราไม่ต้องใช้วิธีหว่านปุ๋ย ซึ่งเป็นการสิ้นเปลือง
เกิดการสูญเสีย เวลาฝนตกลงมาหนักๆ ปุ๋ยละลายไปกับน้ำหมดยังประหยัดกว่าการขุดหลุม
เพราะการขุดหลุมฝังต้องเสียค่าจ้างหลุมละ 2 บาท
ต้นหนึ่ง 4 หลุม เท่ากับ 8 บาท/ต้น และต้องขุดหลุมทุกปี หลุมหนึ่ง ประมาณ 3-4 หน้าจอบและรากยางก็กินปุ๋ยได้ไม่เต็มที่อีก แต่การให้ปุ๋ยยางแบบนี้ทำให้ชาวสวนยางจัดการเรื่องปุ๋ยได้ง่ายและรวดเร็ว”
ทั้งนี้การใส่ปุ๋ยของนายขำจะเลือกใส่ “ปุ๋ยสูตร” สูตรที่ใช้ก็คือ 16-16-16 (มีธาตุอาหารรองเสริม)และปุ๋ยนำเข้าจากมาเลเซียสูตร 15-5-21
การที่สวนยางนายขำเลือกใช้ปุ๋ยสูตร เพราะเป็นปุ๋ยครอบจักรวาล
เหมือนเวลาถ้าเราปวดท้อง ปวดฟัน เราก็จะใช้ยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอล เป็นต้น
ซึ่งเป็นยาครอบจักรวาล ปุ๋ยก็เหมือนกันแค่เลือกสูตรที่มีประโยชน์
แม้จะเสียเงินมากกว่าการซื้อปุ๋ยมาผสมเอง
“เลือกแบบครอบจักรวาลแต่เลือกของดี
และเลือกวิธีการใส่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด”
แต่ที่กรมวิชาการเกษตรแนะนำการผสมปุ๋ยใช้เอง ร่วมกับการตรวจวิเคราะห์ธาตุอาหารในดิน
นายขำให้ความเห็นเรื่องนี้ว่า การให้ปุ๋ยแบบนั้น ต้องใช้กับสวนยางที่ทำแปลงใหญ่ๆ
ระดับร้อยไร่ พันไร่ เพราะที่ดินแปลงใหญ่ในแปลงเดียวกัน
ดินแต่ละพื้นที่ก็ไม่เหมือนกัน อาจจะมีหลายชุดดิน เป็นต้น
ฉะนั้นจึงยากในการผสมปุ๋ยให้ตรงกับการวิเคราะห์ดินแต่ละแห่ง
เกษตรกรรายย่อยทำได้ยาก
และที่สำคัญปุ๋ยที่ใช้ในการผสมก็ราคาใกล้เคียงกับปุ๋ยสูตรสำเร็จ
“การปลูกสร้างสวนยางแม้จะมีการพูดว่าปุ๋ยเคมีทำให้ดินเสื่อมดินเสีย
แต่การทำสวนกันจริงๆ แล้วจะหนีปุ๋ยเคมีไม่ได้เลย
แต่เราต้องเลือกบริษัทที่มีหลักแหล่ง มีคุณภาพ เพราะอาจจะเป็นปุ๋ยปลอมหรือปุ๋ยไม่เต็มสูตรแล้วก็อาจจะใช้ปุ๋ยคอกปุ๋ยหมักมาเสริมแทน”
อีกหนึ่งข้อดีของการให้ปุ๋ยแบบนี้คือ เมื่อขุดบ่อ รากต้นยาง
รากแขนงที่แตกออกมาใหม่ จะกอดดินบริเวณบ่อ
รากยางจะกอดรัดดินแน่นขึ้น ทำให้ต้นยางไม่ล้มง่าย เมื่อเกิดพายุหรือลมแรงๆ
เมื่อฟังประโยชน์จากการให้ปุ๋ยแบบสร้างโต๊ะจีน
ผู้เขียนพลอยสงสัยว่า เมื่อใบยางเศษกิ่งยางสะสมกันนานๆ หรือดินที่ถูกชะล้างไหลลงไปในหลุมจะทำให้หลุมเต็มหรือตื้นลงไหม
แล้วการที่ใบยางหมักหมม จะมีปัญหาในหน้าฝนทำให้รากยางเน่าหรือไม่…???
|
แม้ในวัย 74 ปี
นายขำก็ยังไม่หยุดนิ่งเรื่องการทำสวนยาง ยังคงหาเทคนิคใหม่ๆ มาใช้อยู่เสมอ
จึงมีเกษตรกรสวนยางที่สนใจเข้ามาดูและศึกษาอยู่เนืองๆ
━━━━━━━━━━━
|
นายขำแจงว่า “การขุดหลุมกว้างๆ ยาวๆ อย่างนี้ฝนตกลงมาน้ำไม่ล้นหรือขังแน่นอนเพราะน้ำจะซึมลงดิน แต่ถ้าเป็นสวนยางในพื้นที่น้ำใต้ดินต่ำจะใช้วิธีนี้ไม่ได้
และโดยปกติพื้นที่น้ำใต้ดินต่ำจะปลูกยางไม่ได้อยู่แล้ว เหมาะสำหรับปลูกปาล์มน้ำมัน”
ส่วนถ้าบ่อเต็มหรือตื้น จากการหมักหมมเป็นเวลานานๆ ก็เพียงแค่เอาจอบมาคุ้ยเศษใบยางหรือดินออกมาเพื่อใส่ปุ๋ย
ประเด็นสำคัญของการให้ปุ๋ยตามที่นายขำแนะนำคือ
ต้นทุนการขุดบ่อดูแล้วน่าจะสูงไม่น้อย นายขำเปิดเผยว่า ค่าใช้จ่ายการขุดบ่อประมาณ150 บาท/บ่อ แต่ถ้าเริ่มทำกับสวนยางอายุ 3 ปี ต้นทุนจะต่ำเหลือเพียง 50 บาท/บ่อ เพราะขุดหลุมไม่ลึกมาก
“แต่การลงทุนขุดบ่อแบบนี้เราทำครั้งเดียวอยู่ได้เป็นสิบๆ
ปี ไม่ต้องขุดบ่อยๆ”
แต่ของนายขำเขาลงทุนซื้อรถแบ็คโฮเล็กไว้สำหรับขุดโดยเฉพาะ ราคาประมาณ 410,000 บาท
เทคนิคการให้ปุ๋ยแบบนายขำ
นับเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ชาวสวนยางสามารถนำไปทำในสวนยางได้ เพื่อเป็นการประหยัดและลดต้นทุนการทำสวนยางในภาวะที่ราคายางกำลังตกต่ำ
วิธีที่ดีที่สุดที่เกษตรกรทำได้ก็คือการลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิต
|
แม้บ่อปุ๋ยจะก่อประโยชน์หลายทาง
แต่ต้นทุนก็ไม่เบาพอสมควร นายขำบอกว่าต้นทุนการขุดบ่อละ 150 บาท ไร่ละ 12-13 บ่อ
ต้นทุนการขุดประมาณไร่ละ 2,000 บาท
แต่คุ้มค่าเพาะขุดครั้งเดียวอยู่ได้เป็นสิบๆ ปี
━━━━━━━━━━━
|
ขอขอบคุณ
นายขำ นุชิตศิริภัทรา
37/10 ถ.เจิมปัญญา อ.เมือง จ.ตรัง 92000
โทรศัพท์ 08-1979-9999, 0911 311 311